อนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาคำลือ
30 ก.ย. 2568
รายละเอียด:
เป็นที่ประดิษฐสถานอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาคำลือ ซึ่งเป็นอุปราชใหญ่ได้ครองเมืองวิเชตนครตั้งแต่ปี พ.ศ. 1897 และเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพสักการะกราบไหว้บูชาของประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว ที่ได้มาแวะเยี่ยมเยือนอำเภอแจ้ห่ม
ประวัติความเป็นมา
เจ้าพ่อพญาคำลือเป็นโอรสของท้าวพญาคำแดง ในราชวงศ์โยนกนาคนคร เป็นราชนัดดาในของพญางำเมือง (ปู่) แห่งเมืองพะเยามี พระมารดา ชื่อพระนางอินเหลาแห่งเวียงเปียงดาว (เชียงดาว) ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์เจ้าแสนภู ผู้ครองเวียงระมิงค์ สืบเชื้อสายราชวงศ์เชียงแสน เป็นผู้สร้างเมืองสยมภูนครินทร์คือแจ้ซ้อนเมืองปานและห้างฉัตรในปัจจุบัน)ได้มอบให้ท่านท้าวพญาคำแดงครองเมืองสยมภูนครินทร์ภายหลัง พญาคำแดงทรงเลี่ยงเมืองติดตามพระนางอินเหลาไปยังเชียงดาวและมอบให้ขุนเจื่องครองเมืองสยมภูนครินทร์แทน ส่วนเจ้าพ่อพญาคำลือราชนัดดาซึ่งเป็นอุปราชใหญ่ ครองเมืองวิเชตนครสืบมา เจ้าพ่อพญาคำลือผู้เป็นอุปราชใหญ่ได้รับแต่งตั้งให้ครองเมืองวิเชตนคร เมื่อประมาณ พ.ศ. ๑๘๖๑ (คือแจ้ห่มปัจจุบัน) ท่านมีสายเลือกนักรบเต็มตัวอันสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์เชียงแสน เจ้าพ่อพญาคำลือนั้นมีเจ้าสุดใจเป็นคู่ชีวิต แต่ไม่มีบุตรด้วยกันต่อมาในปี พ.ศ.๑๘๘๑ พวกเงี้ยวตั้งตนเป็นใหญ่ในดินแดนภาคเหนือโดยมีเจ้าคำฟู พญากาวน่าน ยกทัพมาตีขนาบเมืองใหญ่น้อย ได้แผ่อำนาจมาถึง เมืองพะเยา เจ้าพ่อพญาคำลือจึงต้องยกทัพไปช่วยปราบปราม โดยมีเจ้านายฝ่ายเหนือมาร่วมรบในครั้งนั้นอาทิเช่น พญาวังอำเภอวังเหนือ)เมืองลานช้าง เวียงระมิงค์ เขลางค์นคร เวียงโกศัย (เมืองแพร่) พิษณุโลก (เมืองโอฆะบุรี) อุตรดิตถ์ (เมืองทุ่งยั้ง) เมืองพิชัย เป็นต้น รบกันนานถึง 2 เดือน จึงได้ชัยชนะ ในที่สุดพวกเงี้ยวต้องถอยร่นกลับไปแค้วนสิบสองปันนา กาลต่อมาศึกพม่ากับ เวียงพิงค์ได้อุบัติขึ้นอีก พม่าได้ยกทัพมาตีเมืองสยมภูนครินท์ เมืองนี้จึงตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า นานถึง ๑๐ ปี พม่าได้พยายามที่จะยกทัพมาตีเอาวิเชตนคร ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งของหัวเมือง สยามภูนครินทร์ แต่ก็ไม่สามารถตีเอาเมืองนี้ไปได้ ทั้งนี้เพราะพระปรีชาสามารถของเจ้าพ่อพญาคำลือที่ต่อสู้รักษาเมืองไว้อย่างแข็งขัน ประกอบกับ เมืองวิเชตนครเป็นเมืองที่ราบลุ่มมีภูเขาล้อมรอบ นับว่าเป็นชัยภูมิที่ดี เมื่อข้าศึกยกทัพมาก็จะทราบล่วงหน้าก่อนทุกครั้งไป จึงสามารถเตรียมกำลังให้ พร้อมรบอยู่ตลอดเวลา พวกพม่าจึงไม่อาจตีเอาเมืองวิเชตนครได้ ต่อมาเจ้าพ่อพญาคำลือ ได้ร่วมกับเจ้าเมืองฝ่ายเหนือยกทัพไปตีพม่า กองทัพพม่าแตกกระจายถอยร่นกลับไป จึงได้ชิงเอาเมืองสยมภูนครินทร์คืนมาได้ ในชีวิตเจ้าพ่อพญาคำลือต้องรบเพื่อปกป้องเมือง ให้พ้นจากอิทธิพลการแย่งชิง ของข้าศึก ยามรบก็รบด้วยความแกล้วกล้าสุดชีวิต ยามสงบก็ปกครองเมืองให้เป็นสุขด้วยความรักและเมตตา เจ้าพ่อพญาคำลือจึงเป็นที่เคารพรักบูชาของชาวเมืองดุจพ่อเจ้า เจ้าพ่อพญาคำลือใฝ่ใจในธรรมยิ่งนักยามสงบก็ทำนุบำรุงวัดวาอารามหลายแห่งโดยเฉพาะวัดพระธาตุดอยภูซาง วัดผาแดงหลวงและวัดอักโขชัยคีรีที่ประดิษฐานพระธาตุ อันศักดิ์สิทธิ์เจ้าพ่อจะบูรณะให้ดูเด่นเป็นสง่าคู่เมืองวิเชตนคร ตลอดมา เมื่อท่านได้สิ้นชีพตักษัยไปแล้วชาวเมืองจึงได้ร่วม ใจกันสร้างศาลไว้ ณ ที่คุ้มเก่าและดั้งเดิมที่สถานีตำรวจภูธรแจ้ห่ม และสร้างอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาคำลือไว้ที่เชิงดอยวัดอักโขคีรี ให้อยู่คู่วิเชตนคร เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และเป็นที่เคารพสักการบูชา เพื่อแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ท่าน เพราะท่านก็เป็นองค์หนึ่งใน สยามเทวาธิราชเหมือนกัน เมืองที่มีความสัมพันธ์กับวิเชตนครได้แก่ เมืองวังเฮือ (อำเภอวังเหนือ) เมืองลานช้าง เวียงพิงค์ พะเยา เมืองเชียงราย เขลางค์นคร เวียงโกศัย (แพร่) สุโขทัย พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เมืองพิชัย
รูปภาพ
ไฟล์เอกสาร